FAQs
 
1. ทำไมประเทศนิวซีแลนด์ จึงเหมาะกับการเรียนการศึกษาต่อ
2. การเรียนภาษาอังกฤษที่นิวซีแลนด์นั้น มีข้อดีกว่าการเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยอย่างไร
3. การเรียนภาษาอังกฤษ ในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ , โพลีเทคนิค และในศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย มีข้อแตกต่างกันอย่างไร
4. เรียนภาษาอังกฤษ ที่เมืองไหนดี
5. การเรียนมัธยมศึกษา กับความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ
6. Year 13 or Diploma Course Year 1 or Foundation Study
7. ประมาณการค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อประเทศนิวซีแลนด์
8. อยากทราบว่าค่าครองชีพในนิวซีแลนด์แพงไหมค่ะ
9. การทำงานพิเศษในประเทศนิวซีแลนด์
10. ลักษณะที่พักในประเทศนิวซีแลนด์เป็นอย่างไรบ้าง
11. ขอทราบรายละเอียดการสอบ IELTS
12. อยากทราบสถานที่สอบ IELTS และค่าสมัครสอบ
13. ผลสอบ IELTS/TOEFL กับการศึกษาต่อประเทศนิวซีแลนด์
14. เปรียบเทียบคะแนนระหว่าง TOEFL และ IELTS ที่ได้เป็นอย่างไร
15. ระหว่าง TOEFL และ IELTS อันไหนง่ายกว่ากัน ควรสอบอันไหนมากกว่ากัน
16. หากผลคะแนนการสอบ IELTS/TOEFL ไม่ถึงระดับตามที่สถาบันกำหนด จะสามารถสมัครเรียนได้หรือไม่
17. สนใจหลักสูตรทางด้าน MBA ในประเทศนิวซีแลนด์ อยากทราบรายละเอียดต่างๆ
18. อยากทราบเกี่ยวกับการทำประกันภัยสุขภาพ และการเดินทาง
19. การขึ้นทะเบียนทหาร และการขอผ่อนผัน ระหว่างการศึกษาต่อต่างประเทศ
20. เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครเรียนมีอะไรบ้าง
21. เอกสารในการยื่นขอวีซ่านักเรียนประเทศนิวซีแลนด์
22. ในการขอวีซ่านักเรียนจะได้รับวีซ่านานแค่ไหน
23. Kiwi Centre มีค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง
   

 
1. ทำไมประเทศนิวซีแลนด์ จึงเหมาะกับการเรียนการศึกษาต่อ
  • ประเทศนิวซีแลนด์ มีรากฐานการศึกษาจากประเทศอังกฤษ มีความพร้อมด้านบุคลากร ด้านสื่อการเรียนการสอน และมีความหลากหลายของสาขาวิชาให้เลือกมากมาย
     
  • ประเทศนิวซีแลนด์ มีสภาพสิ่งแวดล้อมที่ยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่สูง มีสภาพภูมิประเทศ และทิวทัศน์ที่สวยงาม ปราศจากมลพิษ อีกทั้งมีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินสูง
     
  • ประเทศนิวซีแลนด์ มีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม ไม่ร้อน หรือหนาวจนเกินไปนัก
     
  • ชาวกีวีรักสงบ และมีความเป็นมิตรต่อคนต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา มีทัศนคติที่ดี และยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ หรือตอบข้อซักถามเมื่อเกิดปัญหา
     
  • การศึกษาต่อยังประเทศนิวซีแลนด์ มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าโดยเปรียบเทียบกับประเทศอื่น
   
2. การเรียนภาษาอังกฤษที่นิวซีแลนด์นั้น มีข้อดีกว่าการเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยอย่างไร

การเรียนภาษาอังกฤษที่นิวซีแลนด์ นักเรียนมีโอกาสที่จะพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ ทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน ได้มากกว่าการเรียนในเมืองไทย เนื่องจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ และพัฒนาภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา เช่น การพูดคุยกับ Host Family, การพูดคุยกับเพื่อนๆ ชาวต่างชาติ , การดูโทรทัศน์ , หนังสือพิมพ์ , การท่องเที่ยว ฯลฯ ที่ทำให้นักเรียนสามารถฝึกฝน และมีโอกาสใช้ทักษะภาษาอังกฤษอยู่ตลอดเวลา ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษของน้องๆ จึงพัฒนาได้เร็วกว่า แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ และความมุ่งมั่นของน้องๆ แต่ละคนด้วยค่ะ
   
   
3. การเรียนภาษาอังกฤษ ในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ , โพลีเทคนิค และในศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย มีข้อแตกต่างกันอย่างไร

การเรียนภาษาอังกฤษในแต่ละที่นั้น มีข้อดี ข้อด้อย ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการ / ความเหมาะสมของนักเรียนมากกว่า อาทิ เมืองที่ต้องการไปเรียน , การเดินทางระหว่างที่พัก - โรงเรียน , ค่าใข้จ่าย , อายุของนักเรียน , อุปกรณ์การเรียนการสอน , การสอบ IELTS, การวางแผนศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น , จำนวนนักเรียนในแต่ละ Class ฯลฯ ซึ่งน้องๆ สามารถติดต่อทาง Kiwi Centre เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันต่างๆ ที่เหมาะสม และตรงตามลักษณะความต้องการของน้องๆ ของแต่ละคนค่ะ
   
   
4. เรียนภาษาอังกฤษ ที่เมืองไหนดี

อัตราค่าเรียน
สถาบันสอนภาษาอังกฤษในเมือง Auckland and Christchurch มักจะมีอัตราค่าเรียนพิเศษ สำหรับนักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนนานกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากการแข่งขันกันระหว่างสถาบัน โดยในสองเมืองนี้มีสถาบันที่มีชื่อเสียง และมีคุณภาพอยู่หลายแห่ง

ค่าครองชีพ
เมืองหลักๆ ของนิวซีแลนด์ มี 4 เมืองคือ Auckland, Christchurch, Wellington and Dunedin ค่าครองชีพในเมืองหลักนี้จะสูงกว่า เมืองอื่นๆ ที่เหลือ

การทำงานพิเศษ
นักเรียนที่ได้วีซ่าทำงาน Part time การหางานทำในเมือง Auckland, Christchurch and Wellington โอกาสในการหางานทำ ย่อมจะหาได้ง่ายกว่าเมืองขนาดที่เล็กกว่า

จำนวนนักเรียนเอเซีย
Auckland มากที่สุด รองลงมา คือ Christchurch, Wellington and Dunedin ส่วนเมืองที่เหลือ จะค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะในเมืองเล็กๆ

การเดินทาง
Auckland, Christchurch, Wellington เป็นสามเมืองหลักที่มี International Airport ดังนั้นการเรียนที่เมืองอื่นๆ จะต้องต่อเครื่องบินภายในประเทศ

ภูมิอากาศ
ประเทศนิวซีแลนด์อยู่ในซีกโลกใต้ ที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี เมืองที่อยู่ตอนเหนือจะอบอุ่นกว่าตอนใต้ และซีกฝั่งตะวันออก จะอบอุ่น และฝนตกน้อยกว่าฝั่งตะวันตก

สภาพแวดล้อม
Auckland, Christchurch, Wellington and Dunedin ยังมีสภาพของสังคมเมืองใหญ่ มีแหล่งบันเทิง สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย โรงเรียนส่วนใหญ่จะอยู่ในเมือง ขณะที่ย่านที่อยู่อาศัยจะอยู่นอกเมือง การเดินทางมาเรียนส่วนใหญ่ จึงไม่สามารถเดินได้ จำเป็นต้องนั่งรถเมล์เป็นหลัก

การท่องเที่ยว
นิวซีแลนด์ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย กระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่หากเป็นการเรียนในช่วงสั้นๆ หรือมีเวลาจำกัด เมือง Christchurch น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีทีสุด เนื่องจากเป็นเมืองที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และมีการจัดการด้านความพร้อมในการท่องเที่ยวอย่างครบวงจร

   
   
5. การเรียนมัธยมศึกษา กับความพร้อมด้านภาษาอังกฤษ

โรงเรียน High School เกือบทุกโรงเรียนจะมีหลักสูตร English for speakers of other languages(ESOL) สำหรับนักเรียนชาวต่างชาติ และเป็นวิชาบังคับของนักเรียน หากพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษ ยังไม่เพียงพอ ดังนั้นการเรียนภาษาอังกฤษ ก่อนการเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษา จึงไม่มีความจำเป็น ยกเว้นเป็นหลักสูตรเพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 4-6 สัปดาห์ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมด้านต่างๆ เท่านั้น
   
   
   
6. Year 13 or Diploma Course Year 1 or Foundation Study

ทั้งหมดเป็นทางเลือก สำหรับนักเรียนเมื่อจบชั้น Year 12 ในการศึกษาต่ออีก 1 ปี เพื่อเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา
โดยมีประเด็นที่ต้องศึกษา เพื่อตัดสินใจ คือ

Year 13
ชั้นสูงสุดของ High School นักเรียนสามารถเลือกวิชาเรียนได้เกือบทั้งหมด เกณฑ์การรับเข้าของมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ จะขึ้นอยู่กับ จำนวน Credit, Subjects ในชั้น Y11-13 เป็นสำคัญ รวมถึงผลสอบภาษาอังกฤษ หรือวิชาภาษาอังกฤษ นักเรียนสามารถนำผลสอบที่ได้สมัครสอบเข้าเรียนในระดับ Bachelor Degree ในสาขาที่สอดคล้องกับวิชาที่ได้เรียนมาได้ทุกแห่ง รวมถึงประเทศอื่นๆ โดยใช้ระยะเวลาการเรียนอีก 3 ปี

ข้อจำกัด คือ ไม่มีการกำหนดคะแนนขั้นต่ำ ที่รับรองว่านักเรียนสามารถเข้าเรียนในสาขาวิชา และมหาวิทยาลัยที่ต้องการ

Diploma Course
เปิดสอนทั้งใน College, Polytechnic and University มีระยะเวลาเรียน 2 ปี เมื่อจบสามารถสมัครเข้าเรียนในชั้น ปี 2 ของ Bachelor Degree การเข้าเรียนในระดับ Diploma นั้นจะมีเกณฑ์การรับเข้าเรียนที่ยืนหยุ่นกว่า โดยนักเรียนจะได้เข้าเรียนเสมือนเป็นนักเรียนชั้นอุดมศึกษา กฎระเบียบต่างๆ จะน้อยกว่า และมีอิสระมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการเรียนใน High School วิชาที่เรียนจะเป็นพื้นฐานในการเรียนในระดับที่สูงขึ้น เน้นการลงมือปฏิบัติ โดยการเลือกแนวทางนี้ เมื่อจบ Bachelor Degree นักเรียนจะได้วุฒิ Diploma ควบคู่กันไปด้วย

ข้อจำกัด คือ แม้ผลการสอบในระดับ Diploma จะผ่าน แต่หากคะแนนที่ออกมาไม่ดีพอ หรือไม่ถึงเกณฑ์การโอนเทียบเข้า Bachelor Degree ระยะเวลาโดยรวมจนจบ Bachelor Degree อาจจะยาวนานขึ้นกว่าที่คาดไว้

Foundation Study
เปิดสอนทั้งในมหาวิทยาลัย และสถาบันต่างๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางมหาวิทยาลัย เป็นหลักสูตรพื้นฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าเรียนในปี 1 ของมหาวิทยาลัย วิชาที่เรียนเป็นวิชาในระดับมัธยมศึกษา ผสมผสานกับวิชาพื้นฐานของปี 1 ระยะเวลาการเรียน Foundation Study อยู่ที่ประมาณ 8-16 เดือน เฉลี่ย 12 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของนักเรียน และสถาบันที่เปิดสอน โดยนักเรียนจะทราบถึงคะแนนสอบขั้นต่ำ ที่สามารถเข้าเรียนในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยที่ต้องการ บางแห่งทางมหาลัยวิทยาลัยจะออกจดหมายตอบรับนั้นปี 1 แบบมีเงื่อนไข ตั้งแต่เข้าเรียน Foundation Programme

ข้อจำกัด คือ บางหลักสูตรจะเป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อม เพื่อเข้าเรียนในสาขาที่กำหนด ซึ่งหากทำไม่ถึงเกณฑ์ โอกาสในการเลือกเรียนในสาขาอื่น อาจจะน้อยกว่า รวมไปถึงการเรียนต่อในประเทศอื่นๆ อาจมีข้อจำกัดมากกว่า

   
   
7. ประมาณการค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อประเทศนิวซีแลนด์

  High
School
Certificate / Diploma Bachelor Degree Master
Degree
English Course
  1 year 1 year 1 year 1 year 48 weeks 24 weeks
Tuition Fee 245,000 294,000 343,000 416,500 343,000 171,500
Non-Tuition Fee 2,450 3,675 3,675 3,675 2,450 2,450
Homestay (Full Board) 196,000 196,000 196,000 196,000 196,000 98,000
Air Ticket (Return) 33,000 33,000 33,000 33,000 33,000 33,000
Student Visa 4,800 4,800 4,800 4,800 4,800 4,800
Insurance 10,000 10,000 10,000 10,000 10,000 10,000
Total (Baht) 491,250 541,475 590,475 663,975 589,250 315,250

Exchange Rate 24.5 Baht : 1 NZ$
   
   
8. อยากทราบว่าค่าครองชีพในนิวซีแลนด์แพงไหมค่ะ

ค่าครองชีพในนิวซีแลนด์นับไม่แพงค่ะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ตารางด้านล่างเป็นตัวอย่างราคาสินค้า และบริการต่างๆ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเมืองค่ะ โดยเฉลี่ยแล้วค่าใช้จ่ายเรื่องที่พัก, ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง ฯลฯ จะอยู่ที่ประมาณ $NZ 10,000-12,000 ต่อคนต่อปีค่ะ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของที่พัก และลักษณะการใช้จ่ายของนักเรียนแต่ละคนเป็นสำคัญค่ะ

General $NZ Food $NZ Recreation $NZ
Text Book From $20 Big Mac $ 4 Movie From $8
Newspaper $ 1 Large Pizza From $ 10 Card Phone From $5
T-Shirt $ 15 Fish and Chips From $ 2.5 Sim card(Prepaid) $ 35
Haircut (Man) $ 20 Chinese Takeaway $ 7 Postcard $ 1
Haircut(Woman) $ 50 Pad Thai From $7 New Bicycle From $99
Notebook Compaq C330 $1,800 Mama $0.5 Pubic Swimming Pool $ 4
Taxi From $2 A Can of Coke $ 1 Sky Tower $ 15
Bus Fare(Per week) $ 30 A Cup of Coffee $ 2 Museum $ 5
Gasoline 1 Liter(95) $ 1.8 Milk 1 liter $ 1.35 1994, Honda Civic $3,000
   
   

 
9. การทำงานพิเศษในประเทศนิวซีแลนด์

ตั้งแต่ 4 July 2005 น้อง ๆ ที่อยากหาประสบการณ์การทำงานขณะศึกษาอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์นั้น สามารถหาประสบการณ์จากการทำงาน Part-time ได้ 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ค่ะ แต่น้อง ๆ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

  • ลงทะเบียนเรียนในระดับอุดมศึกษาอย่างน้อย 2 ปี หรือ
     
  • ลงทะเบียนในหลักสูตรที่อยู่ภายใต้ “The Skilled Migrant Category” หรือ
     
  • เป็นนักเรียนระดับมัธยมศึกษา Year 12/13 และมีจดหมายยินยอมจากทางโรงเรียน และผู้ปกครอง หรือ
     
  • เป็นนักเรียนที่ลงทะเบียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และมีผล IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.0
   
10. ลักษณะที่พักในประเทศนิวซีแลนด์เป็นอย่างไรบ้าง

ทั้งหมดเป็นทางเลือก สำหรับนักเรียนเมื่อจบชั้น Year 12 ในการศึกษาต่ออีก 1 ปี เพื่อเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา
โดยมีประเด็นที่ต้องศึกษา เพื่อตัดสินใจ คือ

Year 13
ชั้นสูงสุดของ High School นักเรียนสามารถเลือกวิชาเรียนได้เกือบทั้งหมด เกณฑ์การรับเข้าของมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ จะขึ้นอยู่กับ จำนวน Credit, Subjects ในชั้น Y11-13 เป็นสำคัญ รวมถึงผลสอบภาษาอังกฤษ หรือวิชาภาษาอังกฤษ นักเรียนสามารถนำผลสอบที่ได้สมัครสอบเข้าเรียนในระดับ Bachelor Degree ในสาขาที่สอดคล้องกับวิชาที่ได้เรียนมาได้ทุกแห่ง รวมถึงประเทศอื่นๆ โดยใช้ระยะเวลาการเรียนอีก 3 ปี

ข้อจำกัด คือ ไม่มีการกำหนดคะแนนขั้นต่ำ ที่รับรองว่านักเรียนสามารถเข้าเรียนในสาขาวิชา และมหาวิทยาลัยที่ต้องการ

Diploma Course
เปิดสอนทั้งใน College, Polytechnic and University มีระยะเวลาเรียน 2 ปี เมื่อจบสามารถสมัครเข้าเรียนในชั้น ปี 2 ของ Bachelor Degree การเข้าเรียนในระดับ Diploma นั้นจะมีเกณฑ์การรับเข้าเรียนที่ยืนหยุ่นกว่า โดยนักเรียนจะได้เข้าเรียนเสมือนเป็นนักเรียนชั้นอุดมศึกษา กฎระเบียบต่างๆ จะน้อยกว่า และมีอิสระมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการเรียนใน High School วิชาที่เรียนจะเป็นพื้นฐานในการเรียนในระดับที่สูงขึ้น เน้นการลงมือปฏิบัติ โดยการเลือกแนวทางนี้ เมื่อจบ Bachelor Degree นักเรียนจะได้วุฒิ Diploma ควบคู่กันไปด้วย

ข้อจำกัด คือ แม้ผลการสอบในระดับ Diploma จะผ่าน แต่หากคะแนนที่ออกมาไม่ดีพอ หรือไม่ถึงเกณฑ์การโอนเทียบเข้า Bachelor Degree ระยะเวลาโดยรวมจนจบ Bachelor Degree อาจจะยาวนานขึ้นกว่าที่คาดไว้

Foundation Study
เปิดสอนทั้งในมหาวิทยาลัย และสถาบันต่างๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางมหาวิทยาลัย เป็นหลักสูตรพื้นฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าเรียนในปี 1 ของมหาวิทยาลัย วิชาที่เรียนเป็นวิชาในระดับมัธยมศึกษา ผสมผสานกับวิชาพื้นฐานของปี 1 ระยะเวลาการเรียน Foundation Study อยู่ที่ประมาณ 8-16 เดือน เฉลี่ย 12 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของนักเรียน และสถาบันที่เปิดสอน โดยนักเรียนจะทราบถึงคะแนนสอบขั้นต่ำ ที่สามารถเข้าเรียนในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยที่ต้องการ บางแห่งทางมหาลัยวิทยาลัยจะออกจดหมายตอบรับนั้นปี 1 แบบมีเงื่อนไข ตั้งแต่เข้าเรียน Foundation Programme

ข้อจำกัด คือ บางหลักสูตรจะเป็นหลักสูตรเตรียมความพร้อม เพื่อเข้าเรียนในสาขาที่กำหนด ซึ่งหากทำไม่ถึงเกณฑ์ โอกาสในการเลือกเรียนในสาขาอื่น อาจจะน้อยกว่า รวมไปถึงการเรียนต่อในประเทศอื่นๆ อาจมีข้อจำกัดมากกว่า

   
   
11. ขอทราบรายละเอียดการสอบ IELTS

IELTS (The International English Language Testing) เป็นระบบทดสอบความรู้ทางภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษในการศึกษาต่อหรือทำงาน ลักษณะการสอบจะทดสอบการใช้ภาษาทั้ง 4 คือ ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน โดยการสอบจะแบ่งเป็นการสอบข้อเขียนในช่วงเช้า (ฟัง, อ่าน และเขียน) ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ตามด้วยการสอบสัมภาษณ์ในช่วงบ่ายกับอาจารย์ชาวต่างชาติประมาณ 10-15 นาที โดยคะแนนที่ได้จะแยกเป็นในแต่ละทักษะอย่างชัดเจน เพื่อมาคำนวณเป็นคะแนนรวม ผลสอบสามารถใช้ได้เป็นเวลา 2 ปี

การสอบ IELTS ยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ 1.Academic สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา หรือสูงกว่า และ 2.General Training ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนต่อในระดับต่ำกว่าระดับอุดมศึกษา หรือหลักสูตรระยะสั้นๆ น้องสามารถหาข้อมูลการสอบ IELTS เพิ่มเติมได้ที่ www.ielts.org ค่ะ

   
   
12. อยากทราบสถานที่สอบ IELTS และค่าสมัครสอบ

ค่าสมัครสอบ 5,900 บาทค่ะ และจัดสอบโดย 1. The British Council สยามสแควร์ กทม. (www.britishcouncil.or.th) และ 2. IDP Education Australia Limited ชั้น 4 อาคารซีพีทาวเวอร์ ถนนสีลม กทม. (www.idp.co.th) ซึ่งทั้งสองแห่งจะจัดสอบเดือนละประมาณ 3 ครั้งค่ะ ส่วนต่างจังหวัดมีเปิดสอบที่เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น และหาดใหญ่ ซึ่งจะจัดสอบเดือนละครั้งค่ะ

   
   
13. ผลสอบ IELTS/TOEFL กับการศึกษาต่อประเทศนิวซีแลนด์

นักเรียนที่มีความประสงค์จะเรียนต่อในประเทศนิวซีแลนด์ ยกเว้นหลักสูตรภาษาอังกฤษ โดยทั่วไป ต้องมีผลการสอบ IELTS หรือ TOEFL และต้องได้คะแนนตามที่สถาบันนั้นๆกำหนด สำหรับคะแนนที่ทางสถาบันต้องการ จะต่างกันในแต่ระดับการศึกษา/สาขาวิชา โดยมีระดับคะแนนโดยทั่วไป คือ

ระดับประกาศนียบัตร (Certificate) : คะแนน IELTS 5.0 หรือ TOEFL 500
ระดับอนุปริญญา (Diploma) : คะแนน IELTS 5.5 หรือ TOEFL อย่างต่ำ 500
ระดับปริญญาตรี (Bachelor Degree) : คะแนน IELTS 6.0 หรือ TOEFL อย่างต่ำ 550
ระดับสูงกว่าปริญญาตรี (Postgraduate) : คะแนน IELTS 6.0-6.5 หรือ TOEFL 600

 

   
   
14. เปรียบเทียบคะแนนระหว่าง TOEFL และ IELTS ที่ได้เป็นอย่างไร

น้องๆ บางคนอาจสงสัยว่าผลสอบของตัวเอง เมื่อเทียบกับการผลสอบอีกแบบหนึ่งนั้น ระดับภาษาอังกฤษของตัวเองอยู่ในระดับไหน สามารถเปรียบเทียบผลสอบระหว่าง TOEFL และ IELTS โดยประมาณได้ตามตารางนี้ค่ะ

 
IELTS TOEFL
(paper) (computer)
4.0 - 4.5 310 - 390 50 - 90
4.5 - 5.0 390 - 450 90 - 145
5.0 - 5.5 450 - 525 145 - 195
5.5 - 6.0 525 - 550 195 - 230
6.0 - 6.5 550 - 600 230 - 250
6.5+ 600+ 250+
   
   
15. ระหว่าง TOEFL และ IELTS อันไหนง่ายกว่ากัน ควรสอบอันไหนมากกว่ากัน

อันนี้เป็นปัญหาโลกแตกค่ะ บางคนถนัดทาง Grammar ก็มักจะบอกว่า TOEFL ง่ายกว่า แต่บางคนอาจจะไม่ถนัดทาง Grammar แต่สามารถใช้ทักษะภาษาอังกฤษ ทั้ง 4 ทักษะในชีวิตประจำวันได้ดีพอสมควร ก็มักจะสอบ IELTS ได้คะแนนมากว่า TOEFL ค่ะ ซึ่งสถาบันการศึกษาในนิวซีแลนด์ส่วนมากจะยอมรับผลสอบ IELTS มากกว่าค่ะ

   
   
16. หากผลคะแนนการสอบ IELTS/TOEFL ไม่ถึงระดับตามที่สถาบันกำหนด จะสามารถสมัครเรียนได้หรือไม่

สถาบันการศึกษาส่วนใหญ่จะไม่รับนักเรียนที่ไม่มีผลสอบภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม นักเรียนที่คะแนนภาษาอังกฤษ ไม่ถึงระดับที่ทางสถาบันกำหนด อาทิ มีผลสอบ IELTS 5.5 ต้องการเรียนระดับ Bachelor Degree นักเรียนสามารถลงทะเบียนเรียน Foundation Studies programmes เมื่อผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด สามารถเข้าเรียนในระดับ Bachelor Degree ในมหาวิทยาลัยได้ทันที (บางแห่งอาจต้องการผล IELTSอีกครั้งค่ะ) หรือลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Diploma ในบางสถาบัน เมื่อผ่านเกณฑ์ตามที่กำหนด สามารถเข้าเรียนต่อปีที่ 2 ระดับ Bachelor Degree ในมหาวิทยาลัยได้ (บางแห่งอาจต้องการผล IELTSอีกครั้งค่ะ)

   
   
17. สนใจหลักสูตรทางด้าน MBA ในประเทศนิวซีแลนด์ อยากทราบรายละเอียดต่างๆ

Master of Business Administration- MBA
ผู้สมัครควรจบหลักสูตรปริญญาตรีพร้อมกับผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี-ดีมาก และมีประสบการณ์ทำงานไม่ต่ำกว่า 3 ปี ตัวหลักสูตรเน้นการผสมผสานระหว่างการบรรยายในชั้นเรียน การใช้กรณีศึกษา การสัมมนา การวิจัย นักเรียนจะได้รับการเรียนรู้ การแก้ไขปัญหา ด้วยยุทธวิธี และยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ จากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง เพื่อเป้าหมายคือการวางแผน การกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กร เพื่อการเจริญเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

ค้นหาข้อมูล/หลักสูตร MBA ในประเทศนิวซีแลนด์ได้เพิ่มเติมที่ www.mba.org.nz หรือที่ตารางสรุปข้อมูลเบื้องต้น ของหลักสูตร MBA ในมหาวิทยาลัย และวิทยาลัยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ รายละเอียดตามนี้ค่ะ
Institute Duration Course Fee Intake IELTS TOEFL GMAT Work
Experience
Refer
ences
Essays Inter
view
University of Auckland 2 Year 23,640.00 Feb/July 7+ - - 3+ Yes Yes Yes
University of Otago 16 Months 36,000.00 Feb 6.5+ 280+ 550+ 3+ Yes Yes Yes
University of Canterbury 15 Months 37,500.00 Feb/July 7+ 250+ 600+ 5+ Yes Yes Yes
Victoria University of Wellington 16 Months 31,000.00 Feb/July 6.5+ 250+ 550+ 5+ Yes Yes Yes
Lincoln University 12+ Months 35,000.00 Feb/July 6.5+ 250+ - 3+ Yes Yes No
Massey University 2 Year 33,000.00 July 6.5+ - - 5+ Yes No No
University of Waikato 13+ Months 32,000.00 June 6.5+ 250+ - 3+ Yes No No
Auckland University of Technology 18 Months 31,500.00 Jan, March, May, July 6.5+ 250+ 550+ 3+ Yes Yes No
AIS St Helens 15 Months 27,300.00 Feb, May, Sep 6.5+ 233+ - 2+ Yes No Yes

 

   
   
18. อยากทราบเกี่ยวกับการทำประกันภัยสุขภาพ และการเดินทาง

การศึกษาต่อที่นิวซีแลนด์นั้น การประกันภัยเป็นสิ่งจำเป็นค่ะ เพราะค่ายา , ค่าพบแพทย์ รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ค่อนข้างแพงค่ะ การทำประกันภัยจะช่วยให้นักเรียน และผู้ปกครองสบายใจได้ว่า น้องๆ จะได้รับการดูแลอย่างดี หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ข้อมูล / รายละเอียดของโปรแกรมประกันสุขภาพ และการเดินทางสามารถศึกษาได้เพิ่มเติมที่ www.uni-care.org ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยที่แพร่หลาย และเป็นที่ยอมรับแห่งหนึ่งในนิวซีแลนด์ค่ะ ค่าเบี้ยประกันภัยขึ้นอยู่กับโปรแกรม และระยะเวลาที่คุ้มครองค่ะ อาทิโปรแกรม NZ Student Plan 180 Days ค่าเบี้ยประกันประมาณ $NZ 278 และ 365 Days ค่าเบี้ยประกันประมาณ $NZ 505

   
   
19. การขึ้นทะเบียนทหาร และการขอผ่อนผัน ระหว่างการศึกษาต่อต่างประเทศ

1. การแจ้งขอขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน (ทำใบสำคัญ แบบ สด.9) 
ชายซึ่งมีสัญชาติไทย  เมื่อมีอายุย่างเข้า 18 ปี (ให้เอา พ.ศ.เกิดบวกสิบเจ็ด) ใน พ.ศ.ใด  ให้ไปแสดงตัวต่อนายอำเภอท้องที่ (ที่หน่วยสัสดีอำเภอ / เขต)  เพื่อลงบัญชีทหารกองเกินภายใน พ.ศ. นั้น โดยใช้หลักฐาน

  • บัตรประจำตัวประชาชน และสูติบัตร
     
  • สำเนาทะเบียนบ้าน (ของนักเรียน และบิดามารดา)
     
  • หลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ของนักเรียน และบิดามารดา (ถ้ามี)
     
  • ถ้าบิดา หรือมารดาถึงแก่กรรม ให้นำใบมรณบัตรมาด้วย

2. การรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35)
ทหารกองเกินเมื่อมีอายุย่างเข้า 21 ปี (ให้เอา พ.ศ.เกิดบวกยี่สิบ) ใน พ.ศ.ใด ต้องไปแสดงตนเพื่อขอรับ หมายเรียกที่อำเภอท้องที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนาทหาร ภายใน พ.ศ.นั้น โดยใช้หลักฐาน

  • ใบสำคัญ (แบบ ส.ด.9)
     
  • บัตรประจำตัวประชาชน

3. การขอผ่อนผันการตรวจเลือกทหารฯ เพื่อศึกษาต่อต่างประเทศ โดยใช้หลักฐาน

  • ใบสำคัญ (แบบ ส.ด.9) พร้อมสำเนา 3 ฉบับ
     
  • หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ ส.ด.35) พร้อมสำเนา 3 ฉบับ (ถ้ามี)
     
  • หนังสือรับรองของสถานทูต หรือสถานกงสุล พร้อมสำเนา 3 ฉบับ
     
  • หนังสือรับรองของสถานศึกษา พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย และสำเนาอย่างละ 3 ฉบับ
     
  • บัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของผู้แจ้งแทน พร้อมสำเนา 3 ฉบับ (กรณีผู้ปกครองเป็นผู้แจ้งแทน)
   
   
20. เอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครเรียนมีอะไรบ้าง

  • รูปถ่ายขนาด 2 นิ้วจำนวน 2 รูป
     
  • สำเนาหนังสือเดินทาง (Passport)
     
  • สำเนาบัตรประชาชน (สูติบัตรกรณีนักเรียนไม่เกิน 15 ปี)
     
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
     
  • เอกสารแสดงผลการเรียนล่าสุดที่มี (Transcript)
   
   
21. เอกสารในการยื่นขอวีซ่านักเรียนประเทศนิวซีแลนด์

  • ใบสมัครวีซ่า พร้อมติดรูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป
     
  • ค่าธรรมเนียมยื่นขอวีซ่า 7,100 บาท
     
  • หนังสือเดินทาง(Passport) พร้อมสำเนาที่ได้รับการรับรองสำเนาถูกต้อง
     
  • หนังสือตอบรับการเข้าเรียนจากทางสถาบัน และระบุหลักสูตร ระยะเวลาเรียน วันเปิดเทอม และวันสุดท้ายของการเรียน พร้อมใบเสร็จรับเงินจากสถานศึกษา
     
  • หนังสือรับรองเรื่องที่พักในประเทศนิวซีแลนด์
     
  • ใบรับรองสถานภาพทางการเงิน “Financial Undertaking for a Student”
     
  • สำเนาสมุดฝากเงินหรือ Bank Statement ของผู้ค้ำประกันย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ค้ำประกันสามารถดูแลค่าใช้จ่ายของผู้สมัครได้
     
  • จดหมายรับรองสถานภาพการทำงานของผู้ค้ำประกัน ระบุถึงรายได้ต่อปี (รวมโบนัส) ตำแหน่ง และอายุการทำงาน ซึ่งจดหมายนี้จะต้องออกโดยผู้มีอำนาจ หรือฝ่ายบุคคลของบริษัท/หน่วยงาน/ห้างร้านเท่านั้น ถ้าหากผู้ค้ำประกันเป็นเจ้าของกิจการ/บริษัท/ห้างร้าน จะต้องมีหนังสือรับรองบริษัท ประการพิจาณา
     
  • ใบแจ้งผลการเรียน (Academic Transcript) จากโรงเรียน/มหาวิทยาลัย ที่กำลังศึกษาอยู่หรือเพิ่งจบการศึกษา
     
  • สำหรับนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 16 ปีหรือไม่ได้เดินทางพร้อมบิดา มารดา จะต้องมีจดหมายระบุว่าอนุญาตให้บุตรเดินทางได้จากบิดา และมารดา
     
  • สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านทั้งของผู้ปกครอง และนักเรียน
     
  • เอกสารการประกันสุขภาพ
     
  • สำหรับผู้สมัครที่อายุตั้งแต่ 17 ปีขึ้นไปและประสงค์ที่จะศึกษาต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์เป็นเวลา 2 ปีขึ้นไป จะต้องยื่นรายงานการสอบประวัติอาชญากรรมที่มีอายุไม่เกิน 6 เดือน
     
  • ใบตรวจสุขภาพ นักศึกษาที่ประสงค์จะไปศึกษาเป็นเวลา 6 เดือนขึ้นไป จะต้องยื่นใบตรวจสุขภาพ(ผลเอ็กซเรย์) โดยใบตรวจสุขภาพทั้งสองจะต้องเป็นของโรงพยาบาลที่ได้รับการยอมรับจากทางสถานทูตเท่านั้น ได้แก่ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (www.bumrungrad.com), โรงพยาบาลสมิติเวช (สุขุมวิท) (www.samitivej.co.th), โรงพยาบาลบางกอกเนิสซิ่งโฮม (www.bnhhospital.com) และโกลบอล ด็อกเตอร์ และใบตรวจร่างกายต้องมีอายุไม่เกิน 3 เดือน
     
  • การพิจารณาอนุมัติวีซ่าทั้งวีซ่าท่องเที่ยว และวีซ่านักเรียน ใช้เวลาประมาณ 5 วันทำการ
   
   
22. ในการขอวีซ่านักเรียนจะได้รับวีซ่านานแค่ไหน

นักเรียนจะได้รับวีซ่าตามระยะของหลักสูตรที่ลงสมัครเรียนค่ะ อาทิ ลงทะเบียนเรียนภาษาอังกฤษ 6 เดือน ก็จะได้วีซ่าประมาณ 7 เดือน ถ้านักเรียนต้องการเรียนต่อ สามารถยื่นขอต่อวีซ่าที่นิวซีแลนด์ได้เลยค่ะ

   
   
23. Kiwi Centre มีค่าบริการหรือค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง

ที่ Kiwi Centre เรายินดีให้บริการข้อมูล/แนะแนวการศึกษาต่อยังประเทศนิวซีแลนด์แบบครบวงจร โดยบริการของทางเราทั้งหมดนั้น ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ค่ะ

   
   
   HOME
   ABOUT US
   CONTACT US
   WHAT'S NEWS
   GALLERY
   TESTIMONIALS