Mr.Prompt Udomdech Miss Sathika Jariyatamkitti
Miss Chalita Vachirapornprut Miss Wongwichitr Na Songkhla
Miss Ramita Somboonvetchakarn Mr Manasawee Ananatapong
 
   Mr.Prompt Udomdech - INDA, Chulalongkorn UniversitySchool
 
Name : Mr.Prompt Udomdech
Nick Name : Prompt
Thai School : St. Francis Xavier School
NZ School : Year 11-12 , Lincoln High School, Christchurch, New Zealand
Present School : International Program in Design and Architecture (INDA), Chulalongkorn University (International)


ก่อนที่พร้อมจะตัดสินใจไปเรียนต่อ High School ที่ประเทศนิวซีแลนด์ ผมได้ไปเรียน Summer ที่โรงเรียน Lincoln High School, Christchurch, New Zealand กับทาง KiwiCentre มาก่อนและมีความรู้สึกชอบที่นี้ที่สุดจากที่ผมหาข้อมูลมา ผมจึงตัดสินใจไปเรียน High School ที่ประเทศนิวซีแลนด์ การเตรียมตัวก่อนไปเรียนผมได้ไปเรียนภาษาเพิ่มเติม และเสริมสร้างความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น

ช่วงแรกที่ไปอยู่ก็ไม่ได้ปรับตัวอะไรมาก อาจจะมีก็แต่เรื่องอาหารการกินซึ่งอาหารการกินจะแตกต่างจากบ้านเราทาง Host เขาจะชอบทำอาหารสไตร์บ้านเขา เช่น สเต็ก มันบด ไม่ค่อยได้กินอาหารประเภทข้าว, บะหมี่ ส่วนทาง Host family ที่คอยดูแลมีอยู่ด้วยกันสองคน ซึ่งลูกของเขาโตกันหมดและแยกออกไปอยู่ที่อื่น ทำให้ทาง Host มีเวลาที่จะดูแลเอาใจใส่เราอย่างเต็มที่ Hostที่ผมอยู่เขามีพื้นฐานความเข้าใจความต้องการขอเด็กเอเชียอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมประทับใจในการดูแลเอาใจใส่เราเสมือนลูกอีกคนหนึ่งขอเขา แต่ผมก็แอบมี Homesick อยู่บ้างในช่วงสองเดือนแรกๆ


สำหรับในห้องเรียนผมเป็นคนไทยคนเดียวในห้อง ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนกีวี หรืออาจจะเป็นเพราะผมเลือกเรียน ศิลปะ ซึ่งวิชาแต่ละวิชาที่ผมเลือกเรียน ผมได้ศึกษาหาข้อมูลแล้วว่าถ้าเข้าคณะสถาปัตยกรรมต้องเลือกเรียนวิชาอะไรบ้าง อาจจะมีปรึกษาอาจารย์บ้าง ซึ่งอาจารย์ดีมากดูแลให้คำปรึกษาคำแนะนำเป็นอย่างดีสามารถเข้าหาได้ตลอด ส่วนเพื่อนก็ดีไม่มีปัญหาอะไร โชคดีที่ผมได้เจอเพื่อนดีด้วยพวกเพื่อนจะคอยเข้าหาผม และผมก็ไม่ปิดโอกาสพร้อมที่จะเข้าหาพวกเขา และเรียนรู้ การที่เรากล้าจะพูดคุยกับเขาทำให้เรามีความกล้าและภาษาก็จะได้ตามมา


การวางแผนการเตรียมตัวในระหว่างที่เรียนอยู่ ผมตั้งใจอ่านหนังสือให้เยอะๆทบทวนวิชาที่ไม่เข้าใจ ส่วนช่วงปิดเทอมที่บินกลับมาที่ไทย ผมก็มีเรียนติววิชาคณิตศาสตร์ และเรียนวิชาออกแบบที่เป็นวิชาเฉพาะเพิ่ม

สุดท้ายนี้ที่ผมอยากจะฝากบอก คือ อยากให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเอง แต่ยังไม่ลืมหน้าที่ของเรา เพราะสิ่งที่ผมพบเจอคือ เด็กไทยส่วนใหญ่ที่อยู่จะมีความเป็นตัวของตัวเองมากจนเกินความพอดี เพราะที่นิวซีแลนด์จะมีความเป็นอิสระมาก จนลืมไปว่าเรามาที่นี้ เพื่อวัตถุประสงค์อะไร

 
 
   Miss Chalita Vachirapornprut - EBA, Chulalongkorn University
 
Name : Miss Chalita Vachirapornprut
Nick Name : Mook
Thai School : Saint Joseph Convent School
NZ School : Year 11-12 , Burnside High School, Christchurch, New Zealand
Present School : E.B.A, Chulalongkorn University (International)


ก่อนที่มุกจะมีการตัดสินใจที่จะไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์ มุกได้มีโอกาสไปเรียนSummerที่นิวซีแลนด์มาก่อน ได้ไปสัมผัสบรรยากาศแล้วเกิดความรู้สึกชอบที่นั้น และทางคุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุนจึงตัดสินใจไปเรียนต่อเมื่อจบชั้นม.3 ค่ะ

ช่วงแรกที่มุกไป ก็ปรับตัวยังไม่ค่อยได้ ยังมีอาการ Homesick เป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ 3 เดือน และยังมีปัญหากับทางHost family ทำให้มุกต้องเปลี่ยน Homestay ถึงสามครั้ง คือ Host family แรกนั้นไม่ค่อยอยู่บ้านชอบออกไปทานข้าวนอกบ้านไม่ค่อยมีเวลาให้กับเรา Host family ที่สองเขาจะเป็นคนที่เข้มงวดมากมาย ตัวอย่างเช่น ช่วงที่มีหิมะมุกอยากออกไปเล่นหิมะกับเพื่อนๆแต่ก็ไม่อยากให้เราออกไป เพราะเกรงว่าเราจะไม่สบาย หรือได้รับอันตราย ส่วน Host family ที่สามเขามีลูกผู้หญิงที่เป็นรุ่นเดียวกับเราทำให้เขาเข้าใจความต้องการของเราและดูแลเราเหมือนลูกอีกคนค่ะ


ส่วนเรื่องการปรับตัวกับเพื่อนๆที่โรงเรียน ในช่วงแรกๆก็อาจจะต้องปรับตัวมากหน่อย เพราะตอนที่ไปภาษาเราก็ยังไม่ค่อยคล่อง และไม่ค่อยกล้าแสดงออก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็จะค่อยๆปรับตัวได้ เพราะสภาพแวดล้อมมันจะบังคับให้ต้องพูด ต้องใช้ภาษาตลอด เพื่อนๆชาวกีวีน่ารักมากเขาคอยจะเข้าหาเราตลอด แต่ช่วงแรกๆก็ไม่กล้า แต่มุกก็อยากมีเพื่อนเลยทำให้มุกต้องกล้าแสดงออก ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ก็จะมีกิจกรรม พาไปเที่ยวกันทำให้มุกได้มีเพื่อนมีสังคม รู้จักคนเยอะขึ้นถ้าเราอยากจะทำความรู้จักวิถีชีวิตเขาเราก็ต้องเป็นดำเนินชิวิตอย่างพวกเขา ส่วนอาจารย์ที่คอยดูแลนักเรียนอินเตอร์ก็น่ารักมาก ดูแลมุกเป็นอย่างดี จะคอยสอบถามว่ามีติดปัญหาอะไรบ้างรึป่าว มีอะไรให้ช่วยหรือไม่

สำหรับการเตรียมตัววางแผนในการเรียนการสอบ ในช่วงปิดเทอมใหญ่มุกจะบินกลับมาเมืองไทย กลับมาเรียนวิชา Sat เพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวทางในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองไทยค่ะ

สุดท้ายก็อยากจะฝากถึงน้องๆทุกคนที่กำลังตัดสินจะไปเรียนต่อ คือ ช่วงแรกที่ไปทุกคนก็อาจจะประสบปัญหาเดียวกันคือ Homesick อยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ แต่มุกอยากจะบอกน้องๆ ให้อย่าพึ่งท้ออดทนไว้ เพราะการที่ได้ไปมันเป็นประสบการณ์ที่ดี มันเป็นเหมือนบททดสอบในชีวิต ถ้าผ่านพ้นมันมาได้จะรู้สึกคุณค่าที่ได้ทำมากจะไม่รู้สึกเสียดายเลย

 
 
 
   Miss Ramita Somboonvetchakarn - BBA, Mahidol University International
 
Name : Miss Ramita Somboonvetchakarn
Nick Name : Som
Thai School : Matthayom Watnairong
NZ School : Year 11-12 , Wellington girls’ College , Wellington , New Zealand
Present School : Bachelor of Business Administration (B.B.A.) , Mahidol University International College


ก่อนที่ส้มจะตัดสินใจไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ส้มกำลังคิดว่าจะย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอินเตอร์ในเมืองไทยดีหรือไม่ แต่ระหว่างนั้นน้องสาวของส้มได้เข้าร่วมโปรแกรม Summer ที่นิวซีแลนด์กับทาง Kiwicentre และกลับมาเล่าบรรยากาศ แล้วส้มเกิดความสนใจ คุณแม่เลยตัดสินใจไปปรึกษาที่ Kiwicentre เพื่อที่จะส่งส้มกับน้องไปเรียนต่อHigh School ที่นิวซีแลนด์ ส้มกับน้องเป็นผู้หญิงทั้งคู่ และอยู่ต่างแดนเลยเป็นห่วง จึงตัดสินใจให้ส้มกับน้องไปอยู่โรงเรียนหญิงล้วนทั้งคู่ ที่ Wellington girls’ College , Wellington


ช่วงแรกๆที่ส้มไปอยู่ก็ไม่ได้มีการปรับตัวอะไรมากเพราะส้มเป็นคนที่เขากับคนอื่นง่ายเลยไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่โรงเรียนอาจารย์ที่นั้นดูแลดีมาก อาจารย์จะเป็นหาBuddyในห้องให้เราทำให้มีเพื่อนเร็ว เพราะเวลาBuddyไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนเขาก็จะพาเราเข้ากลุ่มด้วย ซึ่งในห้องเรียนของห้องInterที่ส้มเรียนอยู่ส้มเป็นเด็กไทยคนเดียวและมีเด็กนักเรียนเอเชียกับนักเรียนต่างชาติ และในโรงเรียนจะมีClub Inter ที่จะคอยให้ความช่วยเหลือนักเรียนInter ถ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถไปปรึกษาอาจารย์ได้ตลอดเวลา อาจารย์ดูแลเอาใจใส่ดีมาก ที่Club Interจะมีพาไปทำกิจกรรมต่างๆ พาไปเที่ยวนอกสถานที่สนุกมาก ส่วนในวันเสาร์ส้มก็จะแฮงค์เอาท์กับน้องของส้มและเพื่อนๆInterที่ร้านอาหารบ้าง และก็มีบ้างที่อาจจะเจอเด็กไทยคนอื่นๆบ้าง


ส่วนเรื่องการเรียนของส้มก็เรียนตามปกติ ส่วนในวันเสาร์อาทิตย์ก็มีอ่านหนังสือทบทวนบ้าง แต่ส้มก็ไม่ได้มีไปเรียนพิเศษอะไรเพิ่มเติม ส้มเลือกเรียนMedia แต่ก็มีหลายวิชาที่ส้มเลือกเรียน ที่Wellington girls’ มีวิชาให้ส้มเลือกเรียนเยอะ ก่อนที่ส้มจะเข้ามหาลัยมหิดลอินเตอร์ ตอนที่ส้มกำลังเรียนอยู่ที่Year 11-12ที่นิวซีแลนด์ จะทุกโรงเรียนทั่วประเทศจะต้องทำการสอบวัดผลกันวันเดียวกันเวลาเดียวกัน คือสอบ NCEA Level 1-2 ส้มนำผลคะแนนสอบของNCEA Level 2 และคะแนนIELTS มายืนสมัครที่มหาลัย


สุดท้ายนี้ส้มอยากจะฝากบอกถึงน้องๆ ทีกำลังจะไปเรียนต่อ คือต้องพยายามปรับตัวและเรียนรู้และทุกอย่างจะไม่มีคำว่ายากเกินความสามารถ
 
 
   Miss Sathika Jariyatamkitti - SIIT
 
Name : Miss Sathika Jariyatamkitti
Nick Name : Gade
Thai School : Matthayom 3, Potisarn Pittayakorn School,, Bangkok
NZ School : Year 12, Lincoln High School, Christchurch, NZ
Present School : First Year, Bachelor of Engineering, Sirindannhorn International Institute of Technology(SIIT),
Thammasat University


ช่วงแรกที่เกดไปถึง จะต้องปรับตัวค่อนข้างมากค่ะ เนื่องจากเราจะเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่ต่างไปจากเดิม ทั้งเรื่องการเรียน การสอน เพื่อนต่างชาติ อาหาร อากาศ การเดินทาง และการพักกับครอบครัวชาวกีวี ซึ่งมีวัฒนธรรมที่ต่างจากบ้านเรา เกดอยากจะบอกว่า การปรับตัว เป็นเรื่องที่นักเรียนไทยทุกคนต้องรับรู้ก่อนการตัดสินใจไปเรียนในต่างประเทศค่ะ และเมื่อเวลาผ่านไปทุกๆอย่างจะค่อยดีขึ้น ตามลำดับ สิ่งที่สำคัญคือ เราจะต้องพร้อมที่จะรับ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กล้าพูดกล้าซักถาม เข้าร่วมกิจกรรม กับทางโรงเรียนที่มีตลอดทั้งปีค่ะ


ในห้องเรียนของเกดส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนชาวกีวี ทั้งหมด มีเกดคนเดียวที่เป็นคนไทย เพราะเกดเลือกเรียน Biology ซึ่งจะเน้นไปทางวิชาที่เกี่ยวกับ science แต่คนไทยส่วนใหญ่จะเลือกเรียน Economic มากกว่า จึงทำให้เพื่อนส่วนใหญ่ของเกดจะเป็นชาวกีวีค่ะ และด้วยความที่นักเรียนต่อห้องมีจำนวนไม่มากนัก ประมาณ 20-30คน ทำให้ง่ายต่อการดูแลของอาจารย์ ส่งที่สำคัญตลอดช่วงเวลาหนึ่งที่นิวซีแลนด์ คือ การเข้าชั้นเรียนอย่างสม่ำเสมอ และเข้ารวมกิจกรรมกับเพื่อนนักเรียนในห้องค่ะ

สำหรับการวางแผนการเรียน เนื่องจากเกดตั้งใจจะกลับมาเรียนชั้นอุดมศึกษาในประเทศไทย จึงหาข้อมูลก่อนในส่วนของสถาบันที่เปิดรับ สาขาวิชา เกณฑ์การรับสมัคร ระยะเวลาการรับสมัคร ซึ่งคณะที่เกดสนใจ จะต้องใช้ผลสอบ Sat I, II and Ielts และนำมาวางแผนการสอบ การเตรียมตัวล่วงหน้าประมาณหนึ่งปีค่ะ เคล็ดลับการสอบ คือ การจัดสรรเวลา การฝึกทำข้อสอบบ่อยๆ และเราอยู่กับภาษาอังกฤษตลอด 24 ชม. ค่ะ


สุดท้ายเกดก็อยากจะบอกน้องๆว่า ถ้าน้องๆได้มีโอกาสไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ อยากให้น้องๆ มาด้วยความตั้งใจที่อยากเรียน เข้าใจถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบของตนเอง และใช้ช่วงระยะเวลาที่มีค่านี้ให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อความสำเร็จในด้านการศึกษาในอนาคตของเราเอง และความสุข ความยินดีของคุณพ่อ คุณแม่ของทุกๆ คนค่ะ

 
   Miss Boonyarak Mueangkrathok
 
Name : Miss Boonyarak Mueangkrathok
Institute : The University of Auckland : English Language Academy, Auckland, North Island


1.ทำไมถึงไปเรียนนิวซีแลนด์
มีเพื่อนของเพื่อนแนะนำมาค่ะ เพราะว่าเพื่อนของเค้ามีน้องสาวที่เคยไปเรียนที่นั่นประมาณ 3 เดือน หลังจากที่น้องสาวของเค้ากลับมาก็มาเล่าให้พี่สาวฟังว่าเค้ารู้สึกประทับใจมากๆที่ได้ไปเรียนและก็อยากกลับไปที่นั่นอีก  จึงเป็นเหตุผลที่อยากจะไปเรียนภาษาที่นิวซีแลนด์ค่ะ


2.ไปเรียนอะไร ที่ไหน เมืองอะไร

เมืองที่ไปเรียนคือ โอ๊คแลนด์ (Auckland ) ซึ่งเป็นเมืองที่น่าอยู่มากๆ สภาพอากาศดี เพราะมีทั้งหนาวและบางวันก็มีฝนตก  สำหรับการไปเรียนได้ไปเรียนที่ E.L.A. ( English language Academy ) ซึ่งเป็นสถาบันภาษาของ Auckland of University ซึ่งที่นั่นจะมีคอร์สให้เราเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอร์ส General English, คอร์สสำหรับเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เป็นต้น สำหรับคอร์สที่เลือกเรียนคือ คอร์ส General English เป็นคอร์สเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษทั่วๆไป จะมีทั้งการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน และนอกจากนี้ยังมี Workshop ให้สำหรับนักเรียนในแต่ละคอร์ส ซึ่งจะใช้เวลาในการเรียน 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นประโยชน์กับตัวเรามากๆค่ะ


3.ช่วงชีวิตเริ่มต้นที่ นิวซีแลนด์เป็นอย่างไร

ช่วงแรกที่ไปอยู่ได้บ้านโฮสแฟมีลี่อยู่ที่ Devonport ซึ่งการที่จะมาเรียนได้ก็ต้องนั่งเรือเฟอรี่เพื่อข้ามมาที่ Auckland พอนั่งเรือมาถึงก็ต้องเดินไปที่โรงเรียนซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลมาก ระยะเวลาในการเดินทางจากที่บ้านมาที่โรงเรียนใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 45 นาที ซึ่งช่วงแรกเรายังปรับตัวไม่ได้ เราก็จะแอบบ่นๆกับเพื่อน แต่พอผ่านไปประมาณ 3-4 อาทิตย์เราจะมีความรู้สึกว่าระยะเวลาในการเดินทางสั้นขึ้น และหลังจากนั้นเราก็จะรู้สึกชินกับการเดินทางไปโรงเรียน สำหรับการมาอยู่กับโฮสแฟมีลี่เราก็ต้องปรับตัวมากเลยค่ะ เพราะต่างคนต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ช่วงแรกอาจจะฟังไม่ออกว่าเค้าพูดอะไร เพราะเค้าพูดเร็วมาก แต่หลังจากนั้นเค้าก็จะเริ่มพูดช้าลง เพื่อที่จะสื่อสารกับเราให้เข้าใจ นอกจากนี้เค้าก็จะมีการตั้งกฎประจำบ้านให้เราปฏิบัติตาม ซึ่งเราก็ต้องปฏิบัติตามกฎของเค้าที่ตกลงกันไว้ สำหรับ Host father กับ Host Mother ใจดีมากๆ ทำกับข้าวเก่งทั้งสองคนเลย เค้าทั้งสองคนจะช่วยในเรื่องของการฝึกพูด เค้าจะมี Topic มาคุยกับเราทุกๆวันหรือ บางทีหลังจากที่เรากลับมาจากโรงเรียน เราก็จะมาเล่าบรรยากาศของที่เรียนหรือเล่าเรื่องที่เราไปพบเจออะไรใหม่ๆ ให้เค้าฟังเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน หรือบางครั้งถ้าเรามีการบ้านแล้วเราไม่เข้าใจตรงไหน เราสามารถที่จะไปปรึกษาหรือให้เค้าช่วยสอนได้ เพราะ Host Mother มีอาชีพเป็นครู นอกจากนี้ที่บ้านจะมีสัตว์เลี้ยงคือ แมวและสุนัข แต่สุนัขของเค้าไปอยู่กับลูกชายที่ออสเตรเลีย จึงเหลือแต่แมว ซึ่งเราเป็นคนที่ชอบสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว เราเลยรู้สึกดีใจมากๆที่มีเพื่อนเล่นเพิ่ม นอกจากนี้ยังต้องปรับตัวกับสภาพอากาศของที่นี่ เพราะที่นี่อากาศหนาวมากๆ มีลมแรง ซึ่งต่างกับเมืองไทยร้อนมากๆ แต่หลังจากนั้นก็จะเป็นปกติค่ะ แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังหนาวอยู่  ส่วนเรื่องอาหาร เราเป็นคนที่ไม่ชอบกินผัก ก็จะบอกโฮสก่อนว่าเราไม่ชอบกิน แต่บางครั้งโฮสก็อาจจะมีใส่ผักบ้างแต่ใส่ไม่เยอะเพื่อให้เราฝึกกินค่ะ


4.การปรับตัวเรื่องเกี่ยวกับภาษา

การปรับตัวในเรื่องของภาษาต้องปรับตัวเป็นอย่างมากค่ะ เพราะเราก็ไม่ได้เก่งภาษามาก ต้องค่อยเป็นค่อยไป ช่วงแรกก็จะมีการพูดตะกุกตะกักบ้าง บางทีก็ไม่กล้าคุยกับเพื่อนต่างชาติเพราะกลัวเค้าฟังเราพูดไม่เข้าใจ เราก็จะไม่ค่อยกล้าพูด แต่สภาพแวดล้อมมันบังคับให้เราต้องพูด เราจึงจำเป็นต้องพูด ไม่ว่าเราจะพูดผิดหรือพูดถูกก็ขอให้เราพูดออกมา พอเราได้พูดทุกๆวัน เราก็จะรู้สึกว่าเราพูดได้คล่องขึ้น ส่วนเรื่องของสำเนียงช่วงแรกเราจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะ เวลาเรียนในห้องจะมีทั้งคนจีน คนเกาหลี คนญี่ปุ่น ซาอุดิอาราเบีย ฯลฯ เวลาพูดภาษาอังกฤษก็จะเป็นสำเนียงแปลกๆ เราก็จะงงๆในช่วงแรกๆ ว่าเค้าพูดอะไร ทำไมเราฟังไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นพอเราได้ฟัง ได้พูด ทุกๆวัน ก็จะทำให้เราฟังได้เข้าใจมากขึ้น และพูดได้มากขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว


5.ความสนุกของการเรียนที่นิวซีเเลนด์คือ
การเรียนการสอนของที่นี่ดีมาก อาจารย์ทุกคนน่ารักมากๆ เวลาที่สอนในแต่ละครั้งสามารถทำให้เราสนุกไปกับการเรียนการสอน เพราะบางครั้งเวลาเรียนอาจารย์จะมีการสอดแทรกด้วยการร้องเพลง เพื่อทำให้เราผ่อนคลายและรู้สึกสนุกในการเรียน ทำให้เราไม่เครียดมากจนเกินไป   หรือมีการเล่นเกมเป็นกลุ่มเพื่อให้เราได้รู้จักกับเพื่อนต่างชาติและฝึกให้เราทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน


6.ความแตกต่างระหว่างการเรียนที่ไทยกับนิวซีแลนด์
การเรียนที่ไทยและนิวซีแลนด์แตกต่างกันตรงที่เราได้มีโอกาสเข้ามาเรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรงทำให้เรามีโอกาสที่จะได้พูดกับเจ้าของภาษาได้อย่างถูกต้อง เราสามารถที่จะฝึกได้ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ด้านสภาพแวดล้อมก็เป็นปัจจัยที่สำคัญเพราะทำให้เราต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา เพราะเพียงแค่เราก้าวออกจากบ้าน ทุกอย่างก็เป็นภาษาอังกฤษ หรือแม้กระทั่งเราดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือพิมพ์ก็ตาม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้เราต้องมีการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา 


7.บรรยากาศการเรียนการสอน
สำหรับบรรยากาศในการเรียนการสอนนั้น การเรียนจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกจะเรียนเนื้อหาเข้มข้นอาจจะมีการสอดแทรกด้วยการร้องเพลง และเล่นเกมบ้าง เพื่อไม่ให้เครียดจนเกินไป และให้สนุกกับการเรียน และช่วงที่สอง จะเป็นการเรียนสบายๆ เรียนเรื่องทั่วๆไป บางทีอาจจะมีเรื่องสั้นหรือนิยายมาให้อ่าน ทำให้เราผ่อนคลายไปกับการเรียน และบางครั้งอาจจะมีกิจกรรมในห้องเพื่อให้เราแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆต่างชาติ ซึ่งในการทำกิจกรรมแต่ละครั้งก็จะสนุกสนานมาก ทำให้เวลาเรียนในแต่ละครั้งรู้สึกมีความสุขมาก หรือถ้าในบางครั้งเราไม่เข้าใจบทเรียนตรงจุดไหน เราสามารถที่จะถามอาจารย์ได้ และอาจารย์ก็จะอธิบายให้เราฟังจนเราเข้าใจ


8.การเรียนเรียนอะไรบ้าง
การเรียนในแต่ละครั้งก็จะเรียนทั้งการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ครบทั้ง 4 ทักษะ ทำให้เราได้ฝึกฝนทักษะทั้ง 4 ทักษะตลอดเวลาที่เรียนในห้องเรียน เริ่มจากการฟังในบางครั้งอาจารย์จะมีหนังสั้นมาให้เราดูเพื่อฝึกทักษะในการฟัง การสนทนาของตัวละคร ส่วนการพูดก็จะมีการจับคู่กันเพื่อฝึกบทสนทนาในบทเรียนนั้นๆ หรือบางครั้งจะให้เขียนหรือคิดประโยคสนทนาขึ้นมาใหม่ ทำให้เราได้ฝึกทักษะในการเขียนและการพูดตรงจุดนี้ ส่วนการอ่านอาจารย์ก็จะมีเรื่องสั้นหรือความรู้ทั่วๆไปนำมาให้อ่าน ทำให้เราได้รับความรู้และยังได้ฝึกทักษะในการอ่านเพิ่มขึ้นด้วย และสุดท้ายการเขียน อาจารย์อาจจะให้เราเขียนเกี่ยวกับตัวเรา ครอบครัว หรือความประทับใจที่มาที่นิวซีแลนด์ เป็นต้น หลังจากนั้นอาจารย์ก็จะตรวจและแก้ไขจุดที่ผิดให้เราเพื่อให้เรากลับไปอ่านทบทวน และฝึกเขียนประโยคให้ถูกต้อง


9.วันว่างๆ มักจะไปทำอะไรที่ไหน
ส่วนใหญ่เสาร์-อาทิตย์ จะชอบไปช๊อปปิ้งกับเพื่อนๆที่ Queen Street เพราะที่นั่นจะเป็นแหล่งช๊อปปิ้ง เพราะเป็นถนนสายหลักของเมือง Auckland อีกที่ก็จะเป็น Dressmart ซึ่งจะคล้ายๆกับ Outlet ที่บ้านเรา ของจะถูกแต่ก็ยังแอบแพงอยู่ หรือบางวันก็อาจจะชวนเพื่อนๆไปกินข้าวบน Queen Street เพราะที่นั่นร้านอาหารจะเยอะมาก จนเราเลือกไม่ถูกว่าจะเข้าร้านไหน เพราะมีทั้งอาหารจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ


10.ตอนที่เรียนจบต้องกลับไทย ความรู้สึกเป็นอย่างไร
ความรู้สึกหลังจากที่เรียนจบรู้สึกใจหายมาก เพราะมันเป็นอะไรที่ผ่านไปรวดเร็วมาก สำหรับระยะเวลา 3 เดือน  เพราะเรารู้สึกผูกผันกับที่นี่มาก เพื่อนๆบางคนในห้องพอรู้ข่าวว่าต้องกลับไทยก็ไม่อยากให้เรากลับ อยากให้อยู่ต่อด้วยกัน


11.หลังจากกลับมาไทยทำอะไร

หลังจากที่กลับมาไทยอาจจะมี plan เรียนต่อปริญญาโท และอาจจะมีเรียนภาษาเพิ่มเติมบ้างเพื่อไม่ให้ลืมสิ่งที่เราเรียนมา


12.อะไรคือ คติ ประจำใจสำหรับการที่ต้องไปเรียนต่างประเทศ
“ Where there is a will , there is a way “


13.สิ่งที่ได้จาการไปเรียนที่นิวซีแลนด์คืออะไรบ้าง
สิ่งที่ได้จากการไปเรียนที่นิวซีแลนด์อย่างแรก คือทำให้เราได้ทักษะภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ทำให้เรากล้าที่จะพูดมากขึ้น กล้าแสดงออกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับมิตรภาพที่ดีจากเพื่อนๆชาวต่างชาติ ความผูกผันที่มีให้กันตลอดระยะเวลา 3 เดือน


14.ฝากถึงคนที่กำลังจะตัดสินใจไปเรียนที่นิวซีแลนด์
อยากจะฝากถึงน้องๆหรือคนที่กำลังจะตัดสินใจไปเรียนที่นิวซีแลนด์ว่า อยากให้น้องๆใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในการมาอยู่ที่นี่ เพราะในเมื่อเรามีโอกาสที่ได้มาเรียนถึงที่นี่แล้วก็ควรตั้งใจเรียนและทำให้ดีที่สุด และถ้าพบเจอกับปัญหาใดเราก็ควรที่จะอดทนไว้ เพราะการไปเรียนที่นิวซีแลนด์ถือเป็นบททดสอบสำหรับตัวเรา เพื่อให้เราฝึกความเป็นผู้ใหญ่ และถ้าเราสามารถผ่านไปได้ เราจะรู้สึกว่าเป็นบทเรียนที่มีค่ามากสำหรับเรา

 
   Mr Manasawee Ananatapong
 
Name : Mr Manasawee ANANATAPONG
Institute : Taupo Language and OUtdoor Education Centre, Taupo, North Island


1. ทำไมถึงไปเรียนนิวซีแลนด์
เพราะได้ยินมาว่า นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่สวยงาม เงียบสงบ ปลอดภัย เหมาะแก่การเริ่มต้นฝึกภาษา และที่สำคัญประชาชนที่นี่มีความเป็นมิตรกับชาวต่างชาติมากครับ


2. ไปเรียนอะไร ที่ไหน เมืองอะไร
ลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ 3 เดือน ที่ Taupo Language School ที่เมือง Taupo ในเกาะเหนือครับ


3. ช่วงชีวิตเริ่มต้นที่นิวซีแลนด์เป็นอย่างไร
ในช่วงแรกๆก็มีอาการ Homesick อยู่ประมาณ 1 อาทิตย์ เนื่องจากเมืองที่ไปเป็นเมืองที่เงียบมาก ซึ่งโดยส่วนตัวเป็นคนที่ค่อนข้างติดแสงสี และนี่เป็นครั้งแรกที่ต้องไปต่างประเทศคนเดียว จึงใช้เวลาซักพักในการปรับตัวครับ


4. การปรับตัวเรื่องเกี่ยวกับภาษา

แรกๆก็มีปัญหาเพราะภาษาเราก็ไม่ค่อยแข็งแรงแต่ก็พยายามใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ทำกิจกรรมกับเพื่อนที่โรงเรียน ไม่ก็คุยกับ Homestay เวลาอยู่บ้าน หรือคุยกับคนตามร้านค้าต่างๆในเมือง เพราะคนที่นี่แค่เดินผ่านเค้าก็จะทักทายกันเป็นปกติ ทำให้ภาษาเราพัฒนาไปได้เร็วมาก


5. ความสนุกของการเรียนที่นิวซีเเลนด์คือ

กิจกรรมครับ ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำตลอดทั้งปีไม่ว่าฤดูอะไรก็ตาม โดยเฉพาะเมืองที่ผมไปอยู่ เค้าจะมี Adventure Activities เยอะมาก ซึ่งทางโรงเรียนเค้าจะมี trip ให้เด็กในโรงเรียนได้ไปทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยมาก ทำให้สนิทกับเพื่อนๆในโรงเรียนได้ค่อนข้างเร็ว


6. ความแตกต่างระหว่างการเรียนที่ไทยกับนิวซีแลนด์

น่าจะเป็นเรื่องของการพูดครับ เพราะเคยเรียนภาษาอังกฤษที่ไทย เค้าก็จะสอนเน้นเนื้อหาวิชาการมากกว่า แต่เรียนที่นิวซีแลนด์เค้าจะเน้นให้เด็กทุกคนในห้องได้พูดคุยกัน


7. บรรยากาศการเรียนการสอน

-สบายๆครับ ไม่ซีเรียสมาก อาจารย์แต่ละคนก็ใจดีมาก แม้บางครั้งเราไม่เข้าใจสิ่งที่เค้าสอน เค้าก็จะพยายามอธิบายจนเราเข้าใจครับ 


8. การเรียนเรียนอะไรบ้าง

อาจารย์จะหาหัวข้อมาสอนในแต่ละอาทิตย์ซึ่งแตกต่างกันไป และก็จะปล่อยให้นักเรียนคุยกันเกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ บางครั้งก็จะให้ผลัดกันอ่านออกเสียง ทำแบบฝึกหัดบ้างเล็กน้อย มีแทรก Grammar บ้าง และก็จะมีการสอบทุกวันจันทร์ตอนเช้าครับ


9. วันว่างๆ มักจะไปทำอะไรที่ไหน
มักจะเดินเที่ยวเล่นในเมืองกับเพื่อนชาวต่างชาติ ไม่ก็ไปว่ายน้ำในทะเลสาบ Taupo ครับ หรือบางอาทิตย์ก็จะนั่งรถบัสไปเที่ยวเมืองข้างเคียงครับ


10. ตอนที่เรียนจบต้องกลับไทย ความรู้สึกเป็นอย่างไร
ไม่อยากกลับเลยครับ รู้สึกผูกพันกับเมืองนี้และโรงเรียนมาก


11. หลังจากกลับมาไทยทำอะไร

ก็เตรียมตัวสอบ IELTS พร้อมกับทำเรื่องไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศครับ


12. อะไรคือ คติ ประจำใจสำหรับการที่ต้องไปเรียนต่างประเทศ
อย่ากลัวที่จะพูดภาษาอังกฤษผิดครับ ซึ่งเด็กไทยจะกังวลกับเรื่อง Grammar จนเกินไปทำให้บางคนไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งบางครั้งเราแค่สื่อสารให้เค้าเข้าใจก็เพียงพอแล้วครับ  แม้จะผิด Grammar บ้างแต่เดี๋ยวเค้าจะช่วยแก้ให้เราเองครับ และเราค่อยนำมาพัฒนาในครั้งต่อไปครับ 


13. สิ่งที่ได้จาการไปเรียนที่นิวซีแลนด์คืออะไรบ้าง

แน่นอนว่าภาษาอังกฤษที่พัฒนาขึ้นเยอะครับ และประสบการณ์ชีวิต เนื่องจากเราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ระเบียบวินัยในตัวเองด้วยครับเพราะเราต้องไปอยู่กับครอบครัวที่นั่น และเค้าจะมีระเบียบของเค้าอยู่ซึ่งเราต้องทำ


14.ฝากถึงคนที่กำลังจะตัดสินใจไปเรียนที่นิวซีแลนด์

สุดท้ายนี้ก็อยากจะฝากถึงคนอื่นๆที่กำลังตัดสินใจไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ว่า ไปเรียนนิวซีแลนด์นอกจากภาษา หรือวิชาความรู้แล้ว เรายังได้ประสบการณ์ชีวิตอีกมากมาย รวมทั้งเพื่อนๆจากหลายประเทศทั่วโลก